หน้าไหม้ หมดสวย 7 วิธีแก้ไข อย่าปล่อยให้หน้าไหม้จนสายเกินแก้
หน้าไหม้ หมดสวย 7 วิธีแก้ไข อย่าปล่อยให้หน้าไหม้จนสายเกินแก้ ประเทศไทย เป็นประเทศที่ร้อนมากๆ มีแสงแดดตลอดวัน ทำให้สาวๆ หลายคนต้องเจอกับปัญหาผิวหน้าไหม้
ซึ่งบางคนอาจจะเป็นคนที่มีผิวหนังบางอยู่แล้ว ทำให้เมื่อเจอแดดก็เกิดปัญหาหน้าไหม้ได้ หรือคนที่ไม่ค่อยได้ออกแดดก็สามารถเป็นหน้าไหม้ได้เหมือนกัน เนื่องจากใบหน้าจะไม่ชินกับการที่เจอแสงแดดมากๆ
ซึ่งใครที่หน้ายังไม่มีอาการไหม้เวลาออกแดดก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าใครที่หน้าไหม้แล้ว ไม่รู้จะทำยังไง วันนี้เรามีมาบอกกล่าวกัน — หน้าไหม้
1. ปรับอุณหภูมิหน้าให้เท่ากับอุณหภูมิปกติ
เมื่อ หน้าไหม้ แล้ว สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ การปรับอุณหภูมิใบหน้าให้เท่ากับอุณหภูมิปกติ เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อคนโดนแดดเผาต้องทำ โดยการน้ำผ้าเย็นมาค่อยๆ ประคบบริเวณที่โดนเผา หรืออาจจะ ใช้น้ำลูปก็ได้ ให้ทำซ้ำกันหลายๆ ครั้งเพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิของใบหน้า ทำจนรู้สึกว่าผิวหน้าที่ร้อนจะกลับมาเป็นปกติ
ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนแรกที่คนโดนแดดเผาควรทำ ข้อควรระวังคือเวลาเช็ดหน้าด้วยฝ้าเย็น หรือเวลาล้างหน้า ห้ามล้างหรือถูรุนแรงโดยเด็ดขาด ให้ค่อยประคบหรือค่อยๆ ลูบน้ำ เพื่อเป็นการถนอมเซลล์ผิวที่โดนแดดเผา
2. ห้ามใช้สบู่ หรือโฟมล้างหน้าโดยเด็ดขาด
การล้างหน้าหลังจากที่โดนแดดเผานั้น ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น ห้ามล้างหน้าโดยใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองมากขึ้น ซึ่งปัญหาจะบานปลายไปมากกว่าเดิม
สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายมากและมีเงินทุนหนาหน่อย ให้ลองใช้เครื่องนวดหน้าหัวสแตนเลส ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันการระคายเคืองได้ดีกว่า การสัมผัสจากมือโดยตรง อีกอย่างคือโฟมล้างหน้าถ้าล้างไม่เกลี้ยง ก็อาจจะทำให้ผิวหน้าพังไปยิ่งกว่าเดิมก็ได้
3. หยุดการใช้งานเครื่องสำอางชนิดต่างๆ ก่อน
การใช้เครื่องสำอาง หรือ การทาครีมหลายตัวหลังจากการที่แผลหน้าไหม้แล้วนั่น จะไปทำให้ผิวหน้าเป็นแผลเพิ่มมากขึ้น และบางทีอาจจะไปลดกระบวนการรักษาของผิวหน้าได้ เพราะบางคนอาจจะไปลองใช้ครีมหน้าขาว ครีมดูแลผิว
ซึ่งอยากจะบอกว่าแนะนำให้ผิวมันรักษาตัวเองดีกว่า เพราะนี่คือวิธีธรรมขาติและเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพื่อการฟื้นฟูของผิวที่ดีมากขึ้น และเพื่อการป้องกันการอุดตันที่เกิดจากเครื่องสำอางที่ใช้อีกด้วย
4. เติมน้ำให้หน้า
การเติมน้ำให้ใบหน้านั้นสามารถตีความได้ 2 ความหมายคือ เติมทางผิวหน้าโดยตรง และเติมทางกระยบวนการย่อยอาหาร ซึ่งทั้ง 2 วิธีนั้นก็สามารถเพิ่มกระบวนการรักษาขิงผิวได้ดีเท่ากัน สำหรับการเติมน้ำทางผิวหน้าโดยตรง คือการทามอยซ์เจอไรเซอร์ แต่ก็ต้องอดทนสักหน่อย
เพราะตามปกติในกระบวนการของร่างกาย หน้ามีส่วนไหนผิดปกติ ส่วนนั้นจะทำการแอนตี้สารแปลกปลอม ทำให้มอยซ์เจอไรเซอร์อาจจะโดนทำลายไปก่อนที่จะไปรักษาผิวได้ก่อน และอีกส่วนคือการดื่มน้ำ การดื่มน้ำถือว่าเป็นวิธีการช่วยในการรักษาผิวหน้าได้อีกทางหนึ่ง อาจจะนานหน่อย แต่น้ำก็สามารถเข้าไปฟื้นฟูเซลล์ผิวหน้าได้ดีมาก
โดยเราอาจจะเคยเห็นงานวิจัยที่ได้ทดลองการดื่มน้ำของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผลสรุปคร่าวๆ คือคนที่ดื่มน้ำตลอดวันจะมีใบหน้าที่เต่งตึง สวยใส ส่วนคนที่ดื่มน้ำหน้าใบหน้าจะซุปเล็กน้อย ตาบุ๋มลึกลงไป จึงแสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำก็สามารถช่วยในการรักษาผิวหน้าได้เหมือนกัน
5. ใช้นมสด ช่วยได้
ใช้นมสดเพื่อการลดอาการไหม้ของหน้า โดยให้เตรียมสดสูตรจืดเพื่อเป็นการลดการระคาย จะดีกว่าสูตรหวาน วิธีการคือให้ใช้นมสดมาชุบกับผ้าสะอาด จากนั้นจึงซับให้ทั่วบริเวณใบหน้า ให้เนื้อนมซึมลงไปทั่วไปหน้า หรืออาจจะนอนนำผ้าชุบนม พาดลงไปที่ใบหน้าด้วยก็ได้
เพราะนมสดจะไปช่วยในการป้องกันไม่ให้ผิวหน้าระคายเคือง นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผลัดเซลล์เก่าออกไปจากผิวหน้าได้อีกด้วย ช่วยในการฟื้นฟูผิวหน้าที่ถูกแดดเผาได้เป็นอย่างดี ช่วยในการเพิ่มความนุ่มเนียน ความกระจ่างใสให้ผิวได้เร็วขึ้น เมื่อมาร์คได้ 5 นาทีก็ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดได้เลย
6. ว่านหางจระเข้แก้หน้าไหม้
นี่คือของจริง เพราะเป็นที่รู้ๆ กันดีว่าว่านหางจระเข้สามารถช่วยในการบรรเทาอาการถูกน้ำร้อนลวก หรือความร้อนลวกได้ดี ทำให้ในกรณีนี้ว่านหางจระเข้สามารถนำมาใช้เป็นสมุนไพรแก้ปัญหาหน้าไหม้ได้ดีทีเดียว วิธีการคือ ให้นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด
จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ให้กลายเป็นของเหลวจากนั้นจึงนำมาทาให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ให้ทำแบบนี้หลายๆ วันติดต่อกัน เพื่อจะทำให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
7. หลีกเลี่ยงแสงแดด
วิธีการที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเก่าซ้ำรอบ นั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวหน้าเราเสีย ดังนั้นเวลาออกจากบ้านจึงแนะนำให้แต่งตัวให้มิดชิด อาจจะทนร้อนหน่อย ดีกว่าผิวไหม้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวขาวขึ้นด้วย และให้พกร่มตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม
เพราะแสงแดดประเทศไทยถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความรุนแรงของแดดสูงมาก ครีมกันแดด SPF++ ก็ไม่สามารถช่วยได้มากเท่าไร ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการไปพบเจอแสงแดดนั่นเอง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง