Home ครีมทาผิวหน้า การดูแลผิวพรรณ เน้นง่าย ประหยัด ดูดีได้แบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์

การดูแลผิวพรรณ เน้นง่าย ประหยัด ดูดีได้แบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์

0
การดูแลผิวพรรณ เน้นง่าย ประหยัด ดูดีได้แบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์

ในยุคปัจจุบันที่การถ่ายภาพและการใช้แอปพลิเคชันปรับแต่งใบหน้ากลายเป็นเรื่องปกติ หลายคนมักหันไปพึ่งฟิลเตอร์หรือเครื่องสำอางเพื่อปกปิดผิวให้ดูเรียบเนียนไร้ที่ติ แต่แท้จริงแล้ว การมีผิวพรรณสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องใช้ครีมราคาแพงเสมอไป เพราะ การดูแลผิวพรรณ ที่ถูกต้องและเหมาะสมสามารถช่วยให้ผิวของเราแลดูสดใสจากภายในได้เอง แม้ว่าอาจฟังดูท้าทาย แต่เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน บทความนี้จะแนะนำเคล็ดลับและวิธีการดูแลผิวให้ดูดีด้วยวิธีที่เข้าถึงง่าย ใช้งบประมาณไม่มาก พร้อมทั้งแบ่งปันสูตรธรรมชาติและแนวทางการปฏิบัติในชีวิตประจำวันเพื่อให้ทุกคนได้มีผิวสุขภาพดี เผยให้ผิวสวยใสแบบไม่ต้องฟิลเตอร์กัน


ปัจจัยหลักใน การดูแลผิวพรรณ ให้สุขภาพดีแบบยั่งยืน

ปัจจัยหลักใน การดูแลผิวพรรณ ให้สุขภาพดีแบบยั่งยืน

ความสะอาดสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของผิว เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของ การดูแลผิวพรรณ เพราะในแต่ละวันผิวของเราสัมผัสกับฝุ่นละออง มลภาวะ และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดปัญหาผิวได้

  • ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เป็นประจำเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก แต่การล้างหน้าควรทำอย่างเบามือและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น SLS และพาราเบน
  • ผลการวิจัยพบว่าคนที่ล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง มีความเสี่ยงในการเกิดสิวน้อยลงถึง 35% เมื่อเทียบกับคนที่ล้างหน้าไม่เป็นประจำ

ไม่ละเลยเติมความชุ่มชื้นผิว

มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นตัวร์ช่วยรักษาสมดุลน้ำในผิว ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งของเมืองไทย การเลือกผลิตภัณฑ์ควรพิจารณาจากสภาพผิว เช่น ผิวแห้งควรเลือกใช้แบบครีมที่มีเนื้อเข้มข้น ผิวมันควรใช้แบบเจลที่เบาสบายผิว หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน (non-comedogenic) การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่มได้ถึง 25% ในช่วง 6 เดือนแรกของการใช้ประจำวัน

ปกป้องจากผิวแสงแดด

แสงแดดในประเทศไทยมีความเข้มสูง โดยเฉพาะช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UV มีความเข้มข้นมากที่สุด รังสี UVB สามารถทำให้ผิวไหม้แดด ส่วน UVA นั้นลึกลงไปถึงชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำ รวมถึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำหรือผิวหมองคล้ำจากแสงแดด นอกจากการใช้ครีมกันแดดแล้ว การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยลดเลือนรอยดำ เช่น Thiamidol ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี และเมื่อใช้ร่วมับครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปและปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB (Broad Spectrum) เป็นการดูแลป้องกันผิวที่สำคัญ ควรทาครีมกันแดดในปริมาณ 1-2 มิลลิกรัมต่อผิวหนัง 1 ตารางเซนติเมตร และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแดด

ดื่มน้ำเพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สามารถช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นจากภายใน โดยร่างกายมนุษย์ควรดื่มประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน การดื่มน้ำที่เพียงพอช่วยปรับสภาพผิวให้สดชื่น เต่งตึง และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยเล็กๆ ได้ นอกจากนี้ กยังช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวมีสุขภาพดีและดูกระจ่างใสขึ้น ตามผลการวิจัยพบว่าเมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ จะเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้นถึง 20% ในระยะเวลา 4 สัปดาห์

พักผ่อนอย่างเพียงพอ

การนอนหลับที่มีคุณภาพและเพียงพอวันละ 7-9 ชั่วโมงช่วยให้ร่างกายมีเวลาในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว โดยเฉพาะฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จะหลั่งออกมาในช่วงที่เราหลับลึก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลายจากมลภาวะและรังสี UV การนอนที่ไม่เพียงพออาจทำให้ผิวดูหมองคล้ำ เกิดรอยดำใต้ตา และผิวแห้งง่ายขึ้น ผลการศึกษายังพบว่าคนที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืนมีโอกาสเกิดริ้วรอยและผิวเสียถึง 45%


สูตรธรรมชาติดูแลผิวง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน

สูตรธรรมชาติดูแลผิวง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน

น้ำมันธรรมชาติบำรุงผิว

ออยธรรมชาติเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการบำรุงผิว และยังช่วยเสริมความชุ่มชื้นอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือผิวที่ขาดความยืดหยุ่น

  • น้ำมันมะพร้าว: มีกรดลอริกที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และให้ความชุ่มชื้นแบบยาวนาน สามารถทาน้ำมันบาง ๆ ทั่วใบหน้าหรือลำตัวหลังอาบน้ำ อีกทั้งได้กลิ่นน้ำหอมแบบธรรมชาติ
  • น้ำมันมะกอก: มีวิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะผิวแห้ง
  • น้ำมันอัลมอนด์: มีเนื้อเบา ซึมซาบง่าย และอุดมไปด้วยวิตามิน A และ B ช่วยปรับสมดุลผิว ลดการระคายเคือง และให้ผิวดูอ่อนเยาว์

การดูแลผิวพรรณ ด้วยมาส์กหน้าแบบประหยัด

มาส์กหน้าแบบประหยัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ เป็นวิธีที่น่าสนใจและคุ้มค่า โดยใช้ส่วนผสมที่หาง่ายในครัวอย่างข้าวโอ๊ต น้ำผึ้ง และโยเกิร์ต ซึ่งล้วนแต่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวให้เรียบเนียนและชุ่มชื้น

  • ข้าวโอ๊ต: ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินออกจากผิว พร้อมให้ความรู้สึกอ่อนโยนและไม่ระคายเคือง เพียงใช้ข้าวโอ๊ตบดละเอียดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และโยเกิร์ต 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว
  • น้ำผึ้ง: มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียและให้ความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวหรือผิวแห้ง
  • โยเกิร์ต: อุดมไปด้วยกรดแลคติกที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ

มาส์กนี้สามารถใช้ได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทาทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผิวจะดูสดใสและมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

สครับขัดผิวด้วยน้ำตาล

การขัดผิวง่าย ๆ ด้วยสครับน้ำตาลและน้ำมันมะพร้าว เป็นวิธีที่ง่ายและช่วยให้ผิวเนียนนุ่มโดยไม่ต้องเสียเงินกับผลิตภัณฑ์ราคาแพง

  • ใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งน้ำตาลจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ และน้ำมันมะพร้าวให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน
  • วิธีการขัด: ทาสครับลงบนผิวที่เปียก แล้วนวดเบา ๆ เป็นวงกลมประมาณ 1-2 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ทั้งนี้ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง การสครับช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้นทันทีที่ใช้

การใช้น้ำมันธรรมชาติสามารถทำได้ทุกวัน หรือใช้หลังการสครับผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เมื่อบำรุงผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว การแต่งหน้าด้วยคุชชั่น ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและไม่ทำให้ผิวดูหนา จะช่วยเสริมลุคที่เป็นธรรมชาติและเพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวดูสดใสและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


หลักการดูแลผิวแบบยั่งยืนในชีวิตประจำวัน

หลักการดูแลผิวแบบยั่งยืนในชีวิตประจำวัน

เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว

สภาพผิวของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้น การอ่านฉลากเพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจระคายเคือง เช่น พาราเบน, แอลกอฮอล์, และน้ำหอม สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “hypoallergenic” จะช่วยลดโอกาสการแพ้และระคายเคืองได้ นอกจากนี้การทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ โดยการทาบริเวณเล็ก ๆ ของผิวเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก็เป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการแพ้

หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว

การดูแลผิวอย่างอ่อนโยนและหลีกเลี่ยงการขัดผิวอย่างรุนแรง ช่วยลดการอักเสบและการเกิดรอยแดงที่อาจเกิดขึ้น การขัดผิวควรทำอย่างเบามือและไม่ควรทำบ่อยเกินไป แนะนำให้ขัดผิวเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น สารฟอกขาวหรือสารที่มีความเข้มข้นสูง อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและปราศจากสารเคมีอาจช่วยให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น

ควบคุมอาหารและใส่ใจกับการกิน

อาหารมีผลต่อสภาพผิวของเราโดยตรง การลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมขบเคี้ยวและอาหารทอด สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวได้ มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงมีโอกาสเกิดสิวน้อยลงถึง 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่บริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว, ผลไม้สด, และปลาที่มีโอเมก้า-3 จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสอมชมพูเหมือนทาลิปทินต์และมีสุขภาพดี

ไม่สะสมความเครียด

ความเครียดส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวได้อย่างชัดเจน การจัดการความเครียดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การฝึกทำสมาธิ การทำโยคะ หรือการออกกำลังกายเบา ๆ สามารถช่วยลดความเครียดและเสริมความสดใสให้ผิวได้ มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่ลดระดับความเครียดมีการฟื้นฟูของเซลล์ผิวเร็วขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับผู้ที่มีความเครียดสูง การหาวิธีผ่อนคลายและจัดการความเครียดในแต่ละวันจะช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ สดใส และลดปัญหาผิวที่เกิดจากความเครียด


การดูแลผิวพรรณไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือมีค่าใช้จ่ายสูง หากเราใส่ใจเพียงเล็กน้อยและเลือกวิธีที่เหมาะสมในชีวิตประจำวันก็สามารถสร้างผิวที่สดใสและสุขภาพดีได้ ด้วยการบำรุงผิวแบบง่าย ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังทำให้ผิวได้สัมผัสกับความอ่อนโยนจากธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจทำร้ายผิวในระยะยาว อีกทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนเกี่ยวข้อง เราแนะนำให้ผู้อ่านเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามที่เหมาะสม วิธีนี้จะช่วยให้การดูแลผิวเป็นไปอย่างยั่งยืนและได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจและสวยงามในแบบของตนเอง


คำถามที่พบบ่อย

  1. การดูแลผิวแบบธรรมชาติช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้จริงหรือไม่?

    ด้วยวิธีธรรมชาติช่วยให้ผิวแลดูสดใสขึ้นได้อย่างแท้จริง เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติมักไม่มีสารเคมีที่ทำร้ายผิวในระยะยาว เช่น มาส์กหน้าด้วยข้าวโอ๊ตและน้ำผึ้งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใสได้โดยไม่ระคายเคือง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ประหยัดและปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง

  2. ควรใช้ครีมกันแดดทุกวันหรือไม่ แม้จะไม่ได้ออกแดด?

    คุณควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้จะอยู่ภายในอาคาร เพราะแสง UV สามารถเข้ามาทำร้ายผิวได้ทั้งจากหน้าต่างและแสงไฟบางชนิด การใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปช่วยปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง การปกป้องผิวจากแสงแดดในทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ

  3. ทำไมการดื่มน้ำถึงสำคัญต่อผิวพรรณ?

    เพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึง สดใส และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 2-3 ลิตร เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอในการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก

  4. มีวิธีลดความเครียดเพื่อช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นอย่างไรบ้าง?

    ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดปัญหาผิว เช่น สิวและริ้วรอย การลดความเครียดทำได้หลายวิธี เช่น การทำสมาธิ การฝึกโยคะ การออกกำลังกายเบา ๆ และการหากิจกรรมผ่อนคลายที่ชื่นชอบ การทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำช่วยให้ผิวกลับมาสดใสและแข็งแรง


อ้างอิง

  1. Keep Your Skin Healthy, NIH, November, 2015, https://newsinhealth.nih.gov/2015/11/keep-your-skin-healthy
  2. Christal Yuen, A Guide to Taking Care of Your Skin, Healthline, September 21, 2023, https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/skin-types-care
  3. Carolina Malis, How your lifestyle impacts skin health: 5 steps to holistic skincare, scmp, March 9 , 2024, https://www.scmp.com/magazines/style/beauty/wellness/article/3254362/how-your-lifestyle-impacts-skin-health-5-steps-holistic-skincare-beyond-shopping-beauty-products